กิน “น้ำมันดี” ต่อต้านการอักเสบ! นักโภชนาการแนะนำอาหารที่มี Omega 3 อันดับ 10


สารบัญ

  1. บทนำ
  2. Omega-3 คืออะไร? ต่างจากน้ำมันทั่วไปอย่างไร?
  3. ประโยชน์ของ Omega-3
  4. วิธีการบริโภค Omega-3
  5. อาหารที่มี Omega-3 อันดับ 10
  6. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Omega-3
  7. สรุป

บทนำ

คุณอาจเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า “กินน้ำมันดีมากขึ้น กินน้ำมันเสียให้น้อยลง” แต่คำว่า “น้ำมันดี” คืออะไร? น้ำมันดีที่เราพูดถึงคือ Omega-3 ซึ่งช่วยในการรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ลดการอักเสบต่างๆ แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักได้รับ Omega-6 มากเกินไป ในขณะที่ Omega-3 ขาดแคลนอย่างรุนแรงKUBET ดังนั้นนักโภชนาการจึงได้จัดอันดับ 10 อันดับอาหารที่มี Omega-3 สูง เพื่อให้คุณได้กินน้ำมันที่ดีและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง!

Omega-3 คืออะไร? ต่างจากน้ำมันทั่วไปอย่างไร?

ไขมันแบ่งออกเป็นไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งKUBETไขมันไม่อิ่มตัวประกอบไปด้วย Omega-3, 6 และ 9 โดย Omega 3 และ 6 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตัว (Polyunsaturated fats) Omega-3 ช่วยในการต่อต้านการอักเสบ ส่วน Omega-6 อาจส่งเสริมการอักเสบ และKUBETทำให้ร่างกายมีภาวะการอักเสบเรื้อรังได้

กรดไขมัน Omega-3 มี 3 ชนิดหลัก ได้แก่

  • Alpha-linolenic acid (ALA) พบในแหล่งพืช เช่น เมล็ดแฟลกซ์, ชีอาซีด, และวอลนัท
  • Eicosapentaenoic acid (EPA) พบในอาหารทะเลและปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, และปลาซาร์ดีน
  • Docosahexaenoic acid (DHA) KUBETพบในอาหารทะเลและปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, และปลาซาร์ดีนเช่นเดียวกับ EPA

ประโยชน์ของ Omega-3

การศึกษาได้พิสูจน์แล้วว่า Omega-3 มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น:

  • ปกป้องสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด: Omega-3 ช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ
  • ส่งเสริมการทำงานของสมอง: Omega-3 มีความสำคัญต่อสุขภาพสมอง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการจดจ่อ และมีผลดีในการป้องกันโรคสมองเสื่อม
  • ช่วยลดอาการซึมเศร้า: Omega-3 ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและช่วยให้มีอารมณ์ที่ดี
  • ลดการอักเสบ: Omega-3 ช่วยลดการผลิตสารเคมีที่ส่งเสริมการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการลดการอักเสบเรื้อรังและโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบ และโรคไตอักเสบ

วิธีการบริโภค Omega-3

สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำให้ทานปลาอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, และปลาซาร์ดีน ซึ่งKUBETเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของ Omega-3 หากไม่ทานปลา ก็สามารถทดแทนด้วยการทานเมล็ดแฟลกซ์, ชีอาซีด หรือวอลนัท ซึ่งเป็นแหล่ง Omega-3 จากพืช

อาหารที่มี Omega-3 อันดับ 10

จากข้อมูลล่าสุด อันดับอาหารที่มี Omega-3 สูง (ต่อ 100 กรัม) ได้แก่:

  • ปลามักเคอเรล (ปลาซาร์ดีน): มี DHA และ EPA ในปริมาณสูง เป็นแหล่งที่ดีของ Omega-3
  • ปลาแซลมอน: มี DHA และ EPA สูง ช่วยเสริมการรับ Omega-3
  • สาหร่ายม้วนซูชิ: แม้ดูเหมือนจะน้อย แต่ยังคงมี DHA สูง
  • ปลาโฮลีฟิช: เป็นแหล่ง DHA ที่ดี เหมาะสำหรับการรับประทานในชีวิตประจำวัน
  • ปลาหมอ (Flower fish): มี DHA สูง ช่วยเพิ่มสุขภาพของหัวใจ
  • ปลาไส้ตัน: มี Omega-3 โดยเฉพาะ DHA
  • ไข่ปลาอู๋: เป็นแหล่ง Omega-3 ที่ดี โดยเฉพาะ DHA
  • ปลาแซลมอนแอตแลนติก (ไม่มีหนัง): เป็นแหล่ง Omega-3 ที่สำคัญ
  • ปลาย่างซามาเกะ: มี DHA ในปริมาณสูง เหมาะสำหรับเสริม Omega-3
  • ปลาฮาลิบัท: แม้ว่าปริมาณ DHA จะต่ำกว่าปลาอื่นๆ แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดี

KUBETนอกจากนี้ ไข่แดงและท้องปลาชะโดก็มี Omega-3 อยู่บ้าง โดยเฉพาะ ALA (alpha-linolenic acid) แม้ว่าปริมาณ Omega-3 รวมจะต่ำ แต่ยังคงเป็นแหล่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารจากพืช

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Omega-3

  1. ใครบ้างที่ไม่ควรบริโภค Omega-3? ผู้ที่มีภาวะเลือดออก, เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด, ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, หรือกำลังทานยาจินเจียว KUBETต้องระมัดระวังการบริโภค Omega-3 เพราะอาจทำให้การเลือดออกนานขึ้น
  2. คนที่ทานมังสวิรัติควรทาน Omega-3 อย่างไร? สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติสามารถทดแทน Omega-3 โดยการบริโภคจากแหล่งพืช ซึ่งเป็น ALA (alpha-linolenic acid) พบได้ในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง (เช่น เต้าหู้), วอลนัท, เมล็ดแฟลกซ์, ชีอาซีด และเมล็ดกัญชา ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ ALA แต่KUBETยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

สรุป

Omega-3 มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างชัดเจน การบริโภค Omega-3 อย่างพอเพียงไม่เพียงแต่ช่วยในการต่อต้านการอักเสบและปกป้องหัวใจ แต่KUBETยังช่วยส่งเสริมสุขภาพสมองและปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น การเลือกอาหารที่มี Omega-3 และการควบคุมสมดุลกับการรับ Omega-6 สามารถช่วยรักษาสุขภาพของเราให้ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพจากการอักเสบเรื้อรังได้KUBET



เนื้อหาที่น่าสนใจ: การขาดพลังงาน (Qi Deficiency) คืออะไร? หมอจีนแนะนำ: การรักษาด้วยอาหารช่วยได้ไม่มาก แต่การออกกำลังกายสำคัญมาก!