สารบัญ
- บทนำ
- อาการของไมเกรนเป็นอย่างไร
- สาเหตุของไมเกรน
- วิธีบรรเทาไมเกรนโดยไม่พึ่งยา
- ไมเกรนควรพบแพทย์ที่แผนกใด
- 2 วิธีป้องกันไมเกรนระยะยาว
- คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับไมเกรน
- สรุป
- Q&A
บทนำ
อาการปวดไมเกรนในบางครั้งอาจบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อน แต่หากเกิดบ่อยครั้งหรือรุนแรง ควรระวังให้ดี เพราะอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก การเข้าใจสาเหตุ พร้อมการปรับไลฟ์สไตล์ เช่น การนอนให้เป็นเวลา ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม KUBET จะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิง มีแนวโน้มเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ในบทความนี้เราจึงนำเสนอ 2 วิธีหลักที่จะช่วยสร้าง “ร่างกายไม่ปวดหัว” KUBET ให้กับคุณ พร้อมเข้าใจสาเหตุอย่างถ่องแท้
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
อาการไมเกรน | ปวดหัวรุนแรง มักเป็นข้างเดียว บางครั้งมีอาการคลื่นไส้หรือไวต่อแสงและเสียง |
สาเหตุหลัก | – ความเครียด- การนอนหลับไม่เพียงพอหรือผิดเวลา- ฮอร์โมนในผู้หญิง (ก่อน/ระหว่างมีประจำเดือน)- การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้า เสียงดัง |
กลุ่มเสี่ยง | ผู้หญิงมีโอกาสเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า |
ผลกระทบ | ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หรือไม่สามารถทำกิจกรรมปกติได้ |
วิธีที่ 1: ปรับไลฟ์สไตล์ | – นอนหลับให้เป็นเวลาและเพียงพอ- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น แสงจ้า เสียงดัง ความเครียด- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา |
วิธีที่ 2: การพักผ่อนและจัดการความเครียด | – พักผ่อนเมื่อตึงเครียดหรือเริ่มมีอาการปวด- ทำสมาธิหรือกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจ- ใช้เทคนิคการหายใจลึกเพื่อช่วยลดความเครียด |
หมายเหตุ | หากอาการไมเกรนรุนแรงหรือบ่อยครั้ง ควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม |
อาการของไมเกรนเป็นอย่างไร
แม้ชื่อจะว่า “ปวดครึ่งซีก” แต่ไมเกรนไม่ได้เกิดแค่ด้านเดียวเสมอไป KUBET อาจปวดทั้งสองข้างก็ได้ สังเกตอาการต่อไปนี้ หากมีมากกว่าครึ่งอาจเป็นไมเกรน:
- ปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง
- ปวดข้างเดียวหรือสลับข้าง
- ปวดแบบตุบๆ หนักๆ คล้ายชีพจร
- ปวดมากขึ้นเมื่อขยับร่างกาย เช่น ลุกขึ้น เดินขึ้นบันได
อาการร่วมที่พบได้:
- แพ้แสงหรือเสียง
- ปวดตา เหนื่อยล้าสายตา
- มองเห็นภาพเบลอ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เวียนหัว หรือถึงขั้นหมดสติ
สาเหตุของไมเกรน
ไมเกรนเป็นภาวะซับซ้อนที่มีหลายปัจจัยกระตุ้น เช่น
- ความเครียดสะสม
ความเครียดจากงาน เรียน หรือปัญหาส่วนตัว เป็นสาเหตุหลักของไมเกรน KUBET นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น ท้องเสีย ใจสั่น นอนไม่หลับ หรือปวดท้อง - พันธุกรรม
หากมีประวัติคนในครอบครัวปวดไมเกรน ลูกหลานมีโอกาสเป็นสูงถึง 66% - การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชาย ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลงก่อนมีประจำเดือน เป็นสาเหตุของ “ไมเกรนจากรอบเดือน” โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน ระหว่างตั้งครรภ์ หรือเข้าสู่วัยทอง KUBET ผู้หญิงจำนวนมากมักมีอาการปวดหัวชัดเจนขึ้น - สภาพอากาศ
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือความชื้นกะทันหันอาจกระตุ้นไมเกรน KUBET เช่น เข้าห้องแอร์สลับกับออกกลางแจ้ง - คาเฟอีนและแอลกอฮอล์
บางคนดื่มกาแฟหรือแอลกอฮอล์แล้วไมเกรนกำเริบ แต่บางรายกลับรู้สึกดีขึ้น KUBET ควรสังเกตปฏิกิริยาของร่างกายตัวเองเป็นหลัก - พฤติกรรมการกิน
ไม่กินข้าวตรงเวลา หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เช่น ขาดคาร์โบไฮเดรตหรือเกลือแร่ KUBET อาจทำให้เกิดอาการได้ - พฤติกรรมการนอน
ทั้งนอนน้อยเกินไป หรือ “นอนมากเกินไป” ในวันหยุด อาจทำให้สมองขาดสมดุลและเกิดไมเกรน - ยาบางชนิด
เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมน อาจกระตุ้นให้เกิดไมเกรนจากการขยายหลอดเลือด KUBET ควรปรึกษาแพทย์หากสงสัยว่ายามีผลต่ออาการ

วิธีบรรเทาไมเกรนโดยไม่พึ่งยา
- หาที่เงียบและมืดพักผ่อน
หากเริ่มมีอาการ ให้หยุดกิจกรรมทันที แล้วหาที่เงียบ พักสายตาและงีบเบาๆ ประมาณ 20–30 นาที - ประคบเย็นหรือร้อน
ประคบเย็นช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาปวด
ประคบร้อนช่วยคลายกล้ามเนื้อ ควบคู่กับการอาบน้ำอุ่นหรือแช่เท้าก็ได้ผลดีเช่นกัน - ดื่มกาแฟในปริมาณน้อย
กาแฟในปริมาณน้อยอาจช่วยลดอาการ แต่ต้องระวังไม่ดื่มเกินไป เพราะอาจเกิด “อาการถอนคาเฟอีน” ได้ - คลายกล้ามเนื้อ
การยืดเหยียด หรือการใช้ลูกกลิ้งกล้ามเนื้อช่วยลดความตึงในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ - นวดบริเวณศีรษะ
นวดท้ายทอย คอ และไหล่เบาๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ใช้ร่วมกับน้ำมันหอมระเหยเช่นเปปเปอร์มินต์จะยิ่งดี
ไมเกรนควรพบแพทย์ที่แผนกใด
หากไมเกรนเกิดบ่อยหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถไปพบที่:
– แผนกเวชปฏิบัติทั่วไป (อายุรกรรม หรือเวชกรรมครอบครัว) หากอาการไม่ซับซ้อน
– แผนกประสาทวิทยา (Neurology) หรือคลินิกโรคปวด KUBET หากไมเกรนเรื้อรังหรือไม่ตอบสนองต่อยาทั่วไป
2 วิธีป้องกันไมเกรนระยะยาว
- ปรับพฤติกรรมการกิน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกระตุ้นไมเกรน เช่น
ช็อกโกแลต ชีส ส้ม มะนาว เนื้อสัตว์แปรรูป ผงชูรส สารให้ความหวานแทนน้ำตาล - ออกกำลังกายแบบแอโรบิก
การออกกำลังกายช่วยปรับสมดุลระบบประสาท แนะนำให้ทำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 15 นาที เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ โดยต้องสังเกตตนเอง เพราะบางคนอาจรู้สึกปวดหัวมากขึ้นในช่วงแรก หากไม่สบายให้หยุดและปรึกษาแพทย์
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับไมเกรน
- ทำไมผู้หญิงปวดไมเกรนช่วงมีประจำเดือนบ่อย?
ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงก่อนมีประจำเดือน เป็นปัจจัยหลัก ควรลดอาหารกระตุ้น เช่น ช็อกโกแลต โยคะหรือเดินเบาๆ จะช่วยได้ หากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาป้องกัน - กาแฟทำให้ไมเกรนแย่ลงหรือดีขึ้นกันแน่?
แล้วแต่คน บางคนดีขึ้นเมื่อดื่มน้อย แต่บางคนยิ่งแย่ แนะนำให้ไม่ดื่มเกินวันละ 1 แก้ว (ประมาณ 200 มิลลิกรัมคาเฟอีน) - ออกกำลังกายตอนเป็นไมเกรนได้ไหม?
สามารถทำได้ แต่ควรเป็นการออกกำลังกายแบบเบา เช่น เดิน ว่ายน้ำ โยคะ หากรู้สึกปวดมากขึ้น ควรหยุดและพักก่อน
สรุป
ไมเกรนแม้ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงบ่อย การรู้เท่าทันอาการและจัดการพฤติกรรม จะช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้ หากคุณมีอาการไมเกรนเรื้อรัง ลองเริ่มจากการจดบันทึกอาการลงใน “สมุดจดไมเกรน” เพื่อใช้เป็นข้อมูลเมื่อไปพบแพทย์ และอย่าลืมดูแลสุขภาพจิตด้วยเช่นกัน
Q&A
- ทำไมผู้หญิงถึงมีโอกาสปวดไมเกรนมากกว่าผู้ชาย?
ผู้หญิงมีโอกาสปวดไมเกรนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ทำให้อาการไมเกรนกำเริบง่ายขึ้น - อาการของไมเกรนมีลักษณะอย่างไร?
อาการไมเกรนมักปวดหัวระดับปานกลางถึงรุนแรง ปวดข้างเดียวหรือสลับข้าง มีอาการปวดตุบๆ หนักๆ คล้ายชีพจร และปวดมากขึ้นเมื่อขยับร่างกาย นอกจากนี้อาจมีอาการร่วม เช่น แพ้แสงหรือเสียง คลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัว - วิธีบรรเทาไมเกรนโดยไม่พึ่งยา มีอะไรบ้าง?
สามารถบรรเทาได้โดยการพักผ่อนในที่เงียบและมืด ประคบเย็นหรือร้อน ดื่มกาแฟในปริมาณน้อย คลายกล้ามเนื้อด้วยการยืดเหยียดหรือนวดบริเวณศีรษะ - ควรพบแพทย์แผนกไหนเมื่อมีไมเกรน?
หากอาการไมเกรนเกิดบ่อยหรือรุนแรง ควรพบแพทย์ที่แผนกเวชปฏิบัติทั่วไป หรือแผนกประสาทวิทยา (Neurology) หากอาการเรื้อรัง - มีวิธีป้องกันไมเกรนระยะยาวอย่างไร?
ควรปรับพฤติกรรมการกินโดยหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรน และออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการ
เนื้อหาที่น่าสนใจ: